News

นายแพทย์วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร หมอนักวิชาการไทย รับรางวัลระดับโลก ณ การประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 72

การประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 72 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-28 พฤษภาคม 2562 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ที่ผ่านมา นายแพทย์วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้านต่างประเทศ
และ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ได้รับการเสนอชื่อจากสำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เข้ารับรางวัล “Director’s Generals Health Leaders”
ของดร. เท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Dr.Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ในฐานะที่มีผลงานโดดเด่นทางด้านวิชาการและการพัฒนานโยบายสาธารณสุขทั้งในระดับประเทศ
ภูมิภาค และระดับโลก (อาทิ เช่น นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีบทบาทสำคัญต่อเพิ่มสิทธิและการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่จำเป็นของประชาชน และเป็นตัวอย่างนโยบายที่ดีแก่นานาประเทศทั่วโลก)

รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานอย่างทุ่มเทของบุคลากรสาธารณสุขไทยที่สามารถสร้างประโยชน์ได้ไกลถึงระดับนานาชาติ ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของวงการสาธารณสุขไทยอย่างยิ่ง

Dr Viroj Tangcharoensathein, senior advisor of International Health Policy Program,Ministry of Public Health,

was recognized as a global leader for his contributionto public health at country,regional and global levels.

The recognition ceremony was be held in the morning of Monday, 20th May 2019 at the 72nd World Health Assembly

in Geneva, Switzerland.

     

เห็นชอบ ‘แผน 10 ปีพัฒนากำลังคนสุขภาพ’ ปฏิรูปทั้งระบบ ‘ผลิต กระจาย จัดการ’ มุ่งลดเหลื่อมล้ำ

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเห็นชอบแผนพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ (พ.ศ.2561-2570) เตรียมรับทุกความท้าทายในอนาคต ทั้งการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และความเหลื่อมล้ำด้านต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่ โดยมุ่งปฏิรูประบบการผลิต การกระจายและบริหารจัดการกำลังคน บูรณาการทุกภาคส่วน พร้อมพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศดิจิทัลกำลังคนที่เปนเอกภาพและมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2562 นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ร่างแผนพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ ระยะ 10 ปี (พ.ศ.2561–2570) ซึ่งจะเป็นกรอบทิศทาง พัฒนากลไก นำไปสู่การดำเนินงานเพื่อให้ได้กำลังคนด้านสุขภาพที่ตอบสนองระบบสุขภาพของประเทศ บนวิสัยทัศน์ “ประชาชนสุขภาพดี ภาคีมีส่วนร่วม กำลังคนมีความสุข”

แผนพัฒนากำลังคนฯ ฉบับนี้ ประกอบด้วยแผนงาน 4 ด้าน คือ

1) สร้างและพัฒนากลไกนโยบายกำลังคนด้านสุขภาพของประเทศภายใต้การบูรณาการของทุกภาคส่วนให้มีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ

2) ปฏิรูประบบการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพให้สอดคล้องกับการพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพในศตวรรษที่ 21

3) ปฏิรูประบบบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการภายใต้ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

และ 4) พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศดิจิทัลกำลังคนด้านสุขภาพที่เป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ

โดยกำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อน กำกับ ติดตาม และประเมินแผนดังกล่าว

“ในการพัฒนาสุขภาพของประชาชนและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ระบบสุขภาพจำเป็นต้องมีกำลังคนที่เพียงพอ มีการกระจายอย่างเท่าเทียม มีสัดส่วนประเภทกำลังคนที่เหมาะสม มีกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถและมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน รวมทั้งต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนด้วย

การวางแผนกำลังคนด้านสุขภาพต้องเติมเต็มทุกส่วน ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน รวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลด้วย ในอนาคตทุกอย่างต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ให้กระจายครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อประชาชนสุขภาพดี กำลังคนมีความสุข” รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 กล่าว

หลักการสำคัญในแผนพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ คือ

1) เชื่อมโยงแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและยุทธศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนากำลังคนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและการพัฒนาเพื่อสร้างความมั่งคั่งของประเทศ

2) เน้นการทำงานร่วมระหว่างทีมวิชาชีพและกลุ่มอื่นๆ

3) เชื่อมโยงกับการออกแบบระบบบริการที่เน้นคุณค่า

4) ผนึกพลังการทำงานระหว่างผู้ผลิต ผู้ใช้ องค์กรวิชาชีพ และภาคประชาสังคม

5) วางระบบติดตามการดำเนินงานของแผนภายใต้ระบบฐานข้อมูลที่ดี 6) เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน

ทั้งนี้ แผนพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพระยะ 10 ปีฉบับแรกเกิดขึ้นในปี 2550 และได้ดำเนินการมาจนสิ้นสุดแผนแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการนำเสนอแผนใหม่เพื่อให้เข้ากับบริบทความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต

“ในอนาคตมีความท้าทายเพิ่มขึ้นหลายด้าน โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ระบบบริการสุขภาพของประเทศจำเป็นต้องรักษาสมดุลทั้งในงานส่งเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟูและดูแลจนถึงวาระสุดท้าย จำเป็นต้องพัฒนาการดูแลนอกโรงพยาบาล และสร้างความเข้มแข็งให้กับบริการปฐมภูมิด้วย การจัดทำแผนพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติจึงเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มเดินหน้าดำเนินงานทันที และปรับแผนให้เหมาะสมไปตามเวลาและสถานการณ์” นพ.ปิยะสกล กล่าว

สำหรับกระบวนการยกร่างแผนดังกล่าว คณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่างแผนฯ ที่ประกอบด้วยผู้เกี่ยวข้องจากภาคส่วนต่างๆ มี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ซึ่งได้มอบหมายให้คณะทำงานวิชาการจัดกระบวนการยกร่างแผนฯ มาอย่างต่อเนื่อง มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียรวม 3 ครั้ง รวมถึงการจัดสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2562 เพื่อหาฉันทkมติต่อแผนพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพนี้ร่วมกัน และเสนอต่อคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติซึ่งได้ให้ความเห็นชอบและเสนอให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติพิจารณา จนที่สุดที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติในวันนี้ได้มีมติเห็นชอบและให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

ที่มา  https://www.hfocus.org/content/2019/02/16851